วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เพื่อนของฉัน


"วันและคือย่อมผ่านพ้นเลยไป คงเหลือไว้แต่มิตรภาพที่ดีๆ"


"คำว่าเพื่อนไม่หนีไปไหน อยู่กับฉันในทุกๆที่ ในความทรงจำ"

ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่เราช่วยกันทำ มันไม่หายไปไหนแต่มันอยู่ใน ♥


คนแรกเริ่มด้วย น้องโชค" หรือนายธนวิทย์ พิมพา  เป็นเด็กที่ค่อนข้างเซนซาทีฟ กับเรื่องความรักมาก แต่ก็ยังรู้จักเวล่ำเวลา แบ่งแยกเวลาส่วนตัวกับเวลาการทำงาน ความใฝ่ฝันอยากเป็นสมาชิก จุฬาคฑากร 

คนต่อมา "พ่อบุ๋ม" หรือ นางสาว ศศิธร หล่อทอง เป็นคนที่ค่อนข้างขี้อาย( *-*) แต่เธอเป็นแฟนพันธุ์แท้ของรถเมล์เลยทีเดียว เบอร์อะไร สายไหนรู้หมด รถห่างไปเป็นกิโลยังรู้ น่าจะส่งเธอไปแข่งรายการแฟนพันธุ์แท้ นะ อิอิ~

คนต่อมาเลยดีกว่าเธอชื่อ "จูน" นางสาวสรัญญา ประกอบการ เป็นคนที่ค่อนข้างดูเงียบๆ แต่เวลามันส์จะเม้าท์ไม่หยุด ไม่หย่อน อนาคตเธอบอกว่าจะเป็นเจ้าของห้องแถว แต่ต้องรอย่าเธอสิ้นเสียก่อน เธอบอกว่าของย่าก็เหมือนของหลานแหละ อนาคตเธอจะรวยมาก 555

ต่อด้วย"น้องขวัญ" นางสาวฐานวดี ศิลมงคง สาวน้อยบ้านอยู่หลังเขา เธอต้องตื่นตั้งแต่ตี 3 เพื่อเดินทางมา โรงเรียนทุกวัน (ล้อเล่นๆ) 555 บ้านเธออยู่แค่เขาไม้แก้วเอง อนาคตเธอจะเป็นเจ้าของสวนมะม่วง เพราะเธอชอบกินมากกกกกกกกกกก.

"ป้าแพท" นางสาว นฤตา เกษประดิษฐ์ ป้าแพทถือเป็นผู้อาวุโสมากกก เธอผ่านประสบการณ์ชีวิตมาเยอะมากๆ ตั้งแต่กิ้งกือบุกบ้าน เรื่องลุงฝรั่งที่มาตายข้างบ้านของเธอ เธอออกแนวเป็นสาววายนิดๆ (ไม่นิดและ) ชอบจิ้นนักร้องเกาหลีเป็นกิจวัตร สิ่งที่หวงที่สุดคือ แท็บคู่ใจ หายไม่ได้เพราะในนั้นกุมความลับทั้งหมดที่เธอมีอยู่ ทั้งรูปผู้ชาย ทั้งฟิก และบลาๆ

สาวน้อยคนสุดท้ายของกลุ่ม "น้องปลา" นางสาวกชศุภาณิช ผลทับทิมธนา(ชื่อจะยาวไปไหนไม่รู้) บ้านอยู่ไกลโรงเรียนมาก ตั้งนาเกลือแน่ะ เธอเป็นเด็กน้อยที่เรียนดี และชอบเอื้อเฝื้อสถานที่ที่บ้านของเธอให้เพื่อนๆทำกิจกรรมห้องกัน บ้านเธอติดทะเล คาดว่าไม่เกินอีก 30 ปี บ้านเธอต้องจมน้ำแน่ๆ อนาคตยังไม่แน่นอน 555~


ด้วยรักและผูกพันตลอดมาและตลอดไป
ธนพงษ์  4 กุมภาพันธ์ 2556




Blended Learning


 เบล็นเด็ดเลินนิ่ง หมายถึง กระบวนการเรียนรู้ ที่ผสมผสานรูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน ผสมผสานกับการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่ผู้เรียนผู้สอนไม่เผชิญหน้ากัน หรือการใช้แหล่งเรียนรู้ที่มีอยู่หลากหลาย กระบวนการเรียนรู้และกิจกรรมเกิดขึ้นจากยุทธวิธี การเรียนการสอนที่หลากรูปแบบ เป้าหมายอยู่ที่การให้ผู้เรียนบรรลุเป้าหมายการเรียนรู้เป็นสำคัญ
         การสอนด้วยวิธีการเรียนรู้แบบผสมผสานนั้น ผู้สอน สามารถใช้วิธีการสอน สองวิธีหรือมากกว่า ในการเรียนการสอน เช่น ผู้สอนนำเสนอเนื้อหาบทเรียนผ่านเทคโนโลยีผนวกกับการสอนแบบเผชิญหน้า แต่หลังจากนั้นผู้สอนนำเนื้อหาบทความแขวนไว้บนเว็บ จากนั้นติดตามการดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้อีเลินนิ่ง ด้วยระบบแอลเอ็มเอส (Learning Management System ) ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องแล็บ หลังจากนั้นสรุปบทเรียน ด้วยการอภิปรายร่วมกับอาจารย์ผู้สอนในห้องเรียน"Blended learning เป็นสิ่งสำคัญของการศึกษาและเทคโนโลยี ,blended learning มีการใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว,เป็นการบูรณาการระหว่างการเรียนในชั้นเรียนและการเรียนแบบออนไลน์,สามารถช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนและการใช้เวลาในชั้นเรียนได้เหมาะสม"



ข้อดี-ข้อจำกัด 

การเรียนแบบผสมผสานสรุป Blended Learning การเรียนการสอนแบบผสมผสาน ความหมายและความสำคัญ
1. การเรียนแบบผสมผสาน (blended learning) เป็นการเรียนที่ใช้กิจกรรมที่ต้องออนไลน์และการพบปะกันในห้องเรียนจริง (hybrid) โดยใช้สื่อที่มีความหลากหลายเหมาะกับบริบทและสถานการณ์ การเรียนรู้ เพื่อตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล
2. การเรียนแบบผสมผสาน เป็นการรวมกันหรือนำสิ่งต่าง ๆ มาผสม โดยที่สิ่งที่ถูกผสมนั้น การเรียนอาจจะเรียนในห้องเรียน 60% เรียนบนเว็บ 40% ไม่ได้มีกฎตายตัวว่าจะต้องผสมผสานกันเท่าใด เช่น- รวม รูปแบบการเรียนการสอน- รวม วิธีการเรียนการสอน- รวม การเรียนแบบออนไลน์ และรูปแบบการเรียนการสอนในชั้นเรียน
3. การเรียนแบบผสมผสาน (Blended learning) การเติบโตของการเรียนแบบผสมผสานตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคตการเรียนรู้แบบผสมผสาน โดยในอดีตนั้น การเรียนแบบผสมผสานคือส่วนที่ได้มีการรวมเข้าหากัน จาก 2 รูปแบบ
    3.1 สภาพแวดล้อมของการเรียนแบบเดิม นั้นก็คือ การเรียนแบบเผชิญหน้าในชั้นเรียน
   3.2 การเรียนแบบออนไลน์ ซึ่งในอดีตนั้นการเรียนทั้ง 2 รูปแบบจะมีช่องว่างหรือระยะห่างระหว่างกันค่อยข้างมาก คือจะมีการจัดการเรียนการสอนเฉพาะของตัวเองมีรูปแบบ และการดำเนินการในรูปแบบที่ต่างกันเพราะว่าต่างก็ใช้สื่อและเครื่องมือที่แตกต่างกัน และมีสถานที่ในการเรียนที่แตกต่างกันเพราะมีกลุ่มผู้เรียนที่ต่างกันด้วย แต่ในขณะเดียวกันนั้นการเรียนแบบทางไกลก็กำลังมีการเติบโตและแผ่ขยายอย่างรวดเร็ว ซึ่งได้เข้ามาในรูปของเทคโนโลยีใหม่ ที่มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่การเรียนแบบออนไลน์นั้นจะมีการแผ่ขยายเข้ามาสู่การเรียนในชั้นเรียนอย่างรวดเร็วในปัจจุบันการเรียนแบบออนไลน์นั้นได้เข้ามามีส่วนร่วมในการติดต่อสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์ร่วม ในการเรียนการสอนในชั้นเรียนเกิดเป็นการเรียนแบบผสมผสานขึ้นมาซึ่งคาดว่าในอนาคตนั้นการเรียนแบบผสมผสานจะมีการขยายตัวที่มากขึ้นตามรูปแบบการเรียนแบบออนไลน์ที่จะมีการเติบโตขึ้นมากกว่าปัจจุบัน จึงส่งผลให้การเรียนแบบผสมผสานนั้นมีการขยายวงกว้างออกไปจากเดิมยิ่งขึ้นอีกด้วย


ประโยชน์ ข้อดี และข้อจำกัดประโยชน์ ข้อดี
1. แบ่งเวลาเรียนอย่างอิสระ
2. เลือกสถานที่เรียนอย่างอิสระ
3. เรียนด้วยระดับความเร็วของตนเอง
4. สื่อสารอย่างใกล้ชิดกับครูผู้สอน
5. การผสมผสานระหว่างการเรียนแบบดั้งเดิมและแบบอนาคต
6. เรียนกับสื่อมัลติมีเดีย
7. เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง Child center
8. ผู้เรียนสามารถมีเวลาในการค้นคว้าข้อมูลมาก สามารถวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลได้อย่างดี
9. สามารถส่งเสริมความแม่นยำ ถ่ายโอนความรู้จากผู้หนึ่งไปยังผู้หนึ่งได้ สามารถทราบผลปฏิบัติย้อนกลับได้รวดเร็ว (กาเย่)
10. สร้างแรงจูงใจในบทเรียนได้(กาเย่)
11. ให้แนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้(กาเย่)
12. สามารถทบทวนความรู้เดิม และสืบค้นความรู้ใหม่ได้ตลอดเวลา (กาเย่)
13. สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่รบกวนภายในชั้นเรียนได้ ทำให้ผู้เรียนมีสมาธิในการเรียน
14. ผู้เรียนมีช่องทางในการเรียน สามารถเข้าถึงผู้สอนได้
15. เหมาะสำหรับผู้เรียนที่ค่อนข้างขาดความมั่นใจในตัวเอง
16. ใช้ในบริษัท หรือองค์กรต่างๆ สามารถลดต้นทุนในการอบรม สัมมนาได้


ขอบคุณที่มาจาก : http://www.sahavicha.com/?name=blog&file=readblog&id=5720





วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556

ประทับใจในโรงเรียนบางละมุง'...



"สิ่งที่ภาคภูมิใจก็คือสถานที่แห่งนี้ได้ให้อะไรมากมายกับเรา ทั้งการเรียน ทั้งเพื่อน มิตรภาพทุกๆความทรงจำในรั้วชมพู-ขาวแห่งนี้มันจะถูกเก็บไว้ในความทรงจำอีกนาน ตั้งแต่ก้าวเข้ามาตอน ม.1 จนถึงตอนนี้ก็ 6 ปีแล้ว บางละมุงมีอะไรเปลี่ยนไปมากมาย เด็กนักเรียนมากหน้าหลายตา หมุนเวียนเปลี่ยนไปทุกปีแต่สิ่งที่ยังอยู่กับบางละมุงคืออัตลักษณ์ คือความแข่งแกร่งความแน่วแน่ของคณาจารย์ที่จะสั่งสอนศิษย์ให้เป็นทั้งคนเก่งและดีออกสู่สังคม"


"ขอก้มกราบบนแผ่นดินที่แห่งนี้            สร้างให้มีความรู้อย่างสร้างสรรค์
บางละมุงอยู่ในใจทุกคืนวัน            แม้กาลเวลาผันผ่านยังยืนยง
เรือใบน้อยชมพูขาวงามสง่า       แล่นลิ่วพาพวกเราสู่ฝั่งฝัน
สร้างปัญญาสู่สังคมอเนกอนันต์     อุดมการณ์เหล่านั้นเราเชิดชู
ธงไตรรงค์โบกพลิ้วปลิวไสว             ร้อยดวงใจจากศิษย์ทั่วทุกหล
ร่วมรำลึกบุญคุณครูทุกคน            ที่ฝึกฝนให้ก้าวบนทางไกล
พระพุทธปัญญาคือมิ่งขวัญ            สถิตมั่นกลางใจเราทั้งผอง
จงช่วยกันร่วมกันประคับประครอง           เราพี่น้องจากรั้วบางละมุง
เจ้าเฟื่องฟ้ายืนหยัดกลางความแห้งแล้ง        ไม่ยื้อแย่งเติบโตด้วยแรงฝืน
เจ้าจงสู้ดั่งเฟื่องฟ้าที่หยัดยืน                จงแข็งขืนต่อสู้ไปในสังคม"






















"ทุกๆความรู้สึกที่หาซื้อไม่ได้ด้วยเงินไม่ได้  แต่มันหาได้จากทุกๆการลงมือทำ"

โรงเรียนแห่งนี้ให้อะไรเรามามากมายเกินที่จะบรรยายออกมาได้หมด เราขอเก็บทุกๆเรื่อง ทุกๆการกระทำ ณ ที่แห่งนี้ไว้ในความทรงจำของเรา ตลอดไป #ขอบคุณโรงเรียนบางละมุง


เทคนิคการสอบสัมภาษณ์

หลายๆคนอาจจะเคยลองสอบสัมภาษณ์ผ่านมากันบ้างแล้ว บางสนามลองเพื่อเอาประสบการณ์ บางสนามไปสัมภาษณ์เพราะอยากได้จริงๆ สิ่งที่สำคัญในการสอบ สติและจิตที่นิ่ง รวมไปถึงผลงานต่างๆที่เราเคยสะสมมา เรามาลองดูวิธีการเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์ และการรับมือในคำถามต่างๆกันเลยดีกว่า....

การเตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์
มีคำกว่าว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ดังนั้นเอง เราจะต้องเตรียมหาข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัย คณะที่เราจะเลือก รวมไปถึงความรู้รอบตัวทั่วไปที่เกี่ยวกับสาขาวิชานั้นๆ
การแต่งกาย
อันนี้เป็นสิ่งที่เรามองข้ามไปไม่ได้เลย เราควรจะต้องแต่งตัวให้ถูกระบียบทุกประการ เสื้อผ้าไม่จำเป็นต้ิองใหม่แต่ต้องสะอาด ไม่ยับยู่ยี่ สำหรับผู้ชายวันนั้นขอแนะนำให้ตัดผมสั้นหน่อยก็ดี ผู้หญิงก็มัดรวบผมให้เรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องวงเเว๊กขัดเงาต่างๆ สำหรับคุณน้องผู้หญิงพวกเครื่องประดับ สร้อยแหวน ข้อมือ ต่างเป็นไปได้ถอดให้หมด น้ำหอมก็ไส่แต่พองาม ใส่มากไปจากหมอจะกลายเป็นฉุน สำหรับเรื่องแต่งหน้าเเปะแป้งธรรมดาก็ไป ไม่ต้องเขียนขนตา ทาปากเหมือนกับไปเที่ยวสยามนะครับอิอิ
ควรเตรียมอะไรไปบ้าง
เราควรจะเตรียมเอกสารทั้งหมดก่อนวันสัมภาษณ์นะครับ ไม่ใช่ไปเตรียมตอนรุ่งเช้าแบบนี้จะยุ่งมากทำให้เราไปสายได้ การเตรียมเอกสารก็ควรหาเเฟ้มที่มีหลายช่องเพื่อจะได้แยกเอกสารแต่ละชนิด จะได้หาได้ง่ายเวลานำออกมาใช้ รูปถ่าย gpa หลักฐานต่างๆ รวมทั้ง ปากกาและก็ที่ลบคำผิด จะได้ไม่ต้องยืมคนอื่นเหมือนตอนอยู่โรงเรียนนะ 555
คืนก่อนสัมภาษณ์
ก็ตามสูตร ดื่มวีต้าแล้วไปนอนซะแล้วก็รีบนอน ( หลายคนระวังตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ก็พยายามนับเเกะเอานะครับ ) โดยพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจี๊ดจ๊าดต่างๆ ตั้งแต่ก่อนวันสัมภาษณ์ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา โจรโผกผ้าเหลืองบุก ( ท้องเสีย) ถ้ามีสัมภาษณ์ตอนประมาณช่วงเช้ายังไงก็ควรกินอาหารเช้าด้วยนะครับเพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้องและเลี่ยงปัญญาท้องร้องตอนสัมภาษณ์ = = สำหรับอาหารก็ควรทานอาหารจำพวกย่อยง่าย เช่นโจ๊ก งดอาหารพวกนมและของมันและครื่องดื่มจำพวกน้ำอัดลมเพราะจะทำให้ท้องอืดและมีอาการเรอได้ และควรเขี้ยวอาหารให้ระเอียด (ท่าทางจะแนะนำอาหารละเอียดเกินไป)
เดินทางไปถึงที่สัมภาษณ์
ต้องหาข้อมูลให้ชัดเจน และต้องแน่ใจว่าเขานัดสัมภาษณ์ที่ใด ถ้าไม่แน่ใจให้เดินทาง ไปดูล่วงหน้าก่อน แต่ที่ดีที่สุดควรเดินทางไปถึงที่สัมภาษณ์ล่วงหน้าประมาณสัก 15 นาที จะทำให้เรามีสมาธิ และมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น แต่ถ้าไปถึงล่วงหน้าเป็นชั่วโมง ก็ดีแต่อาจจะทำให้คุณรอนานอาจเกิดความหงุดหงิด เสียสมาธิได้ และควรไปคนเดียว ถ้าไม่จำเป็นอย่าพาผู้อื่นไปด้วยเยอะจะทำให้เราพะวง เห็นหลายคนยังไปปิกนิกเล่นพามาทั้งครอบครัว กำลังใจเพียบ 5555 ครอบครัวเรามันช่างอบอุ่นอะไรเช่นนี้ อ๋อแล้วอีกอย่างผู้ติดตามก็ควรแต่งกายสุภาพด้วยนะครับ
นั่งรอสัมภาษณ์
ช่วงก็พยายามทำใจให้สบาย นึกถึกพ่อเเก้วแม่เเก้วไว้ อย่าทำหน้าเหมือนไม่ได้อึมาหลายวันหละ และก็ควรจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ด้วยการทบทวนความรู้รอบตัวต่างๆ ถ้าได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ก็ควรพูดคุยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มสดใส อ๋อระหว่างนั่งรอก็นั่งให้มันเรียบร้อยหน่อยครับ อย่ากระดิกเท้า นั่งถ่างขา นั่งยืดขา แขะขีมูกด้วย 555 อ๋อก่อนเข้าห้องอย่าลืมปิดมือถือให้เรียบร้อย = =
เมื่อถูกเรียกตัวเข้าสัมภาษณ์
ก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์ลองหายใจลึก ๆ แต่อย่ามากอาจหน้ามืดก่อน (และก็ควรบอกกับตัวเอง เรายอด เราเยี่ยม เราทำได้ สร้างขวัญและกำลังใจ ห้ามคิดเด็ดขาดว่าตัวเองจะทำไม่ได้ ok ) และก็เดินลุกอย่างสง่างามเขาไปที่สัมภาษณ์ ถ้ามีประตูควร เคาะ ประตู เสียก่อน ตามมารยาท ยกมือวันทาด้วยท่าทางสุภาพ ควรไหว้ประธานหรือผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดเพียงผู้เดียวถ้านั่งอยู่หลายคน โดยทั่วไปมัก นั่ง ตรงกลาง เรื่องนี้ ใช้ไหวพริบเองก็แล้วกัน อย่าเพิ่งนั่งจนกว่าจะได้รับอนุญาต หรือ คำเชิญจากผู้สัมภาษณ์ แต่ถ้รู้สึกว่าลมมันเย็นหรือยืนนานเกินไปแล้วผมว่าเราอณุญาตินั่งก็ได้ กล่าวขอบคุณครับ แล้วเราก็นั่งให้หัวใจเต้นเบาลง ตั้งสติก่อนสตารท์เอ๋ยก่อนสัมภาษณ์ พอนั่งแล้วก็จัดวางตัวเองอยู่ในที่เรียบร้อย หลังห้ามงอ หน้ามองตรง และที่สำคัญ ยิ้มสยาม
การวางตัวในขณะสัมภาษณ์
ทำหน้ายิ้มไว้ สบสายตาผู้สัมภาษณ์มีหลายคนชอบมองเพดานหรือมองหาเศษเหรียญตามพื้นถ้าโชคดีอาจจะได้เจอแบงค์พันก็ได้ 555 ถ้าคนสัมภาษณ์มีหลายคนก็ควรแจกจ่ายสายตาให้ทั่วถึงด้วยแต่ก็เน้นไปที่คนใหญ่คนโต ควรนั่งในท่าสุภาพ ไม่เกร็ง วางแขนไว้ที่ตัก อย่าสั่นขา การตอบคำถามควรลงท้ายด้วย "ครับ", "ค่ะ" เสมอ ไม่ควรตอบเฉพาะคำถามห้วนๆ ไม่ควรพูดสอดแทรกในขณะที่ผู้สัมภาษณ์กำลังพูด ถ้าอาจารย์เกิดแนะนำตัวเองด้วยการบอกชื่อขึ้นมาน้องควรจะจำให้ได้ แล้วต่อไปก็ต้องเรียกชื่อของอาจารย์ ( ส่วนใหญ่คนสัมภาษณ์จะไม่ค่อยบอกชื่อตัวเอง ถามชื่อคนอื่นไม่บอกชื่อตัวเอง ไม่มีมารยาทเลยเนอะ ฮาฮา )
การตอบคำถาม
จงตอบคำถามด้วยความมั่นใจ ฉะฉาน พูดให้เป็นธรรมชาติด้วยเสียงที่พอเหมาะอย่าค่อย หรือดังเกินไป จงพูดเท่าที่จำเป็นอย่าคุยโม้โอ้อวด หรือถ่อมตนมากเกินไป ห้ามพาดพิงให้ร้ายพูดถึงคนอื่นในแง่ลบ จงพูดในสิ่งที่เป็นความจริงและสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคำถามและเป็นประโยชน์ สำหรับคุณให้มากที่สุด ดังนั้นเราก็ควรจะฝึกพูดกับตัวเองหรือหน้ากระจกด้วยนะครับ เพื่อจะได้ไม่ประม่า และก็หลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์เฉาพกลุ่มต่างๆนานา เช่น มันเริ๋ดจริง ด๋อย เกรียน สมัยนี้คงไม่มีใช้คำว่าจ๋าบละมั้งสมัยก่อนฮิตกันมาก = = แล้วอีกอย่างคือห้ามเถียง ถึงเถียงชนะแต่เราก็อาจจะสอบไม่ติดได้ = = การตอบคำถามทุกคำถามควรจะพูดความจริง เพราะว่าคนสัมภาษณ์เขามีประสบการณ์เ้ยอะ ( ก็อายุเยอะแล้ว ) ดังนั้นถามถ้าเราโกหกอะไรไปพวกเขาจะจับผิดได้ 99% ยกเว้นน้องจะมีความวชาญพิเศษในด้านก็ตามแต่ก็ไม่ควรจะเสี่ยง
ถ้าพบกับคำถามที่ตอบไม่ได้
จงอย่าอ้างว่าไม่ได้เรียนมาและอย่าแสดงสีหน้าตกอกตกกใจจนเกินเหตุ ( คิดในใจได้ซวยแล้วตู T__T) เขาอาจจะอยากลองดูไหวพริบการแก้ปัญหาของคุณ อันนี้อย่าตอบมั่วเด็ดขาด ยอมรับซะว่าไม่ทราบจริง ๆ และจะไปสืบค้นหาคำตอบภายหลัง ซึ่งแสดงว่าคุณเป็นผู้ใฝ่รู้ (ต้องทำจริง ๆ นะ) อย่าขอเปลี่ยนคำถามหรือขอผู้ช่วยเพราะไม่ใช่เกมโชว์ ( ความจริงมันก็ทำให้การสัมภาษณ์มีสีสันนะครับ แต่จะกลายเป็นตลกไม่ออก เหอะ ๆ )
สุดท้ายเมื่อจบการสัมภาษณ์ ไม่ว่าเราจะตอบได้ดีหรือไม่ดีก็ตามก็ยิ่มหวานๆ ยกมือไหว้ แล้วก็ออกจากห้องอย่าลืมเก็บเก้าอี้ให้เรียบร้อย
ตัวอย่างการสอบสัมภาษณ์ !!

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.unigang.com/Article/234



อาชีพในอนาคตของฉัน


  ทุกๆก้าวย่างของชีวิตมนุษย์ล้วนมีความผิดพลาดเสมอๆ อาชีพที่อยากเป็นในอนาคตก็คือ ผู้พิพากษา

  นิยามอาชีพ
          พิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวงในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ในศาล       ยุติธรรม เว้นแต่คดีที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลอื่น มีอำนาจหน้าที่วินิจฉัยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ใช้ดุลยพินิจชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานและทำคำสั่งหรือคำพิพากษาในคดีแพ่งและคดีอาญาปฏิบัติหน้าที่ในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีก

  ลักษณะของงานที่ทำ
          ตรวจคำคู่ความซึ่งยื่นต่อศาลเพื่อสั่งรับหรือไม่รับหรือให้ทำใหม่หรือให้แก้ไขเพิ่มเติมควบคุมการดำเนินกระบวนพิจารณาคดี ออกข้อกำหนดเพื่อรักษาความ      เรียบร้อยในบริเวณศาลและเพื่อให้กระบวนพิจารณาดำเนินไปโดยเที่ยงธรรม  และ    รวดเร็ว  ออกหมายเรียก ออกหมายอาญา ออกหมายสั่งให้ส่งคนมาจาก หรือไปยังจังหวัดอื่นหรือออกคำสั่งใด ๆ  ไต่สวน  และวินิจฉัยชี้ขาดคำร้องหรือคำขอไต่สวนมูลฟ้องในคดีอาญาไต่สวนการชันสูตรพลิกศพ  ในกรณีที่มีความตายเกิดขึ้นโดยการกระทำของ     เจ้าพนักงานนั่งพิจารณาคดีและควบคุมการนำสืบพยานหลักฐานของคู่ความ ตรวจบุคคล วัตถุสถานที่หรือตั้งผู้เชี่ยวชาญใช้ดุลยพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวงพิพากษาชี้ขาดตัดสินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญาโดยยุติธรรมตามกฎหมาย บังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษา ทำรายงานการคดีและกิจการของศาลส่งตามระเบียบ ระมัดระวังการใช้ระเบียบวิธีการต่างๆ ที่กำหนดขึ้นโดยกฎหมายหรือโดยประการอื่น  ให้เป็นไปโดยถูกต้องเพื่อให้การพิจารณาพิพากษาคดีเสร็จเด็ดขาดไปโดยเร็วอาจมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีต่างประเภทกันตามประเภทของศา

สภาพการทำงาน 
          ผู้พิพากษามีห้องทำงานที่มีสภาพเหมือนห้องทำงานทั่วไปและเมื่อต้องทำหน้าที่ตัดสินคดีความ จะต้องนั่งบังลังก์ปฏิบัติหน้าที่พิพากษาเป็นประธานในห้อง  ตัดสินคดีความอาชีพผู้พิพากษา  อาจจะต้องปฏิบัติงานประจำศาลในต่างจังหวัด   โดยเฉลี่ยจะปฏิบัติหน้าที่ประมาณ 3 - 4 ปีในแต่ละจังหวัด ซึ่งมีบ้านพักผู้พิพากษาประจำในทุกจังหวัดหรืออาจจะปฏิบัติหน้าที่ประจำศาลในกรุงเทพฯ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการประกาศของคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม


ถ้าถามว่าทำไมถึงอยากเป็นผู้พิพากษา ก็จะตอบว่า "ผมรักงานด้านนี้ ผมรักความถูกต้อง รักความเป็นกลาง รักความยุติธรรม" 

ทุกสาขาอาชีพจะมีความสุขก็ต่อเมื่อทำไปด้วยใจรัก 
  

วันหนึ่งที่ฉันเที่ยว...

22 มกราคม 2556

   ในที่สุดก็ถึงวันที่หลายๆคนรอคอย หลังจากเหนื่อยจากการเรียนมา 2 เดือนกว่าๆในภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษา 2555 ซึ่งเป็นภาคเรียนสุดท้ายของนักเรียนชั้น ม.6 หลายๆคนตั้งใจรอวันไปทัศนศึกษาเพื่อต้องการปลดปล่อยความรู้สึกต่างๆ ความอัดอั้น ทั้งหลายที่อยู่ในใจที่ไม่สามารถแสดงออกมาได้ สถานที่ที่เราไปกันก็คือ Dream World นั่นเอง

  ในเวลา 07.00 น. คณะอาจารย์และนักเรียนพร้อมกันที่บริเวณโดมรวมใจ 1 (ซึ่งกว่าจะพร้อมจริงๆก็ปรพมาณ 07.40 น.) เราและคณะใช้เวลาเดินทางไปดรีมเวอร์ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง พอไปถึงก็ร่วมกันรับบัตรเข้าดรีมเวริ์ด บางส่วนก็ไปถ่ายรูปเก็บบรรยากาศที่น่าประทับใจ เราไปชมภาพบรรยากาศกันเลยดีกว่า....~

บรรยากาศบนรถ 



2 เท้าก้าวเดินสู่ดินแดนแห่งความกล้า และ ท้าทาย



Hurricane สนามทดลองความกล้า ตุณกล้าแค่ไหนเราท้าให้คุณลอง !!

ต่อกันด้วยไวกิ้ง ถ้าได้เล่นแล้วจะรู้ว่าทุกวินาทีของชีวิตมีค่าขนาดไหน


และเราก็มาต่อกันด้วยแกรนด์แคนยอน ชุ่มช่ำกันเลยทีเดียว


พักถ่ายรูปกันสักหน่อย ~



ต่อกันด้วยเมืองหิมะ อุณหภูมิ -2 องศาเราก็ยังยิ้มสู้ !


พักทานอาหารกลางวันกันที่ KFC ใน Dream World.

ย่อยอาหารกันต่อด้วยรถคุณปู่



แวะถ่ายภาพสักนิดก่อนเดินทางกลับ


  สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางโรงเรียนและคณะครูทุกๆท่านที่ร่วมกันจัดทัศนศึกษาให้พวกเราในครั้งนี้ เราได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากที่นี่ เห็นมิตรภาพ เห็นคำว่าเพื่อน เห็นนาทีชีวิต เห็นความกล้า เห็นความกลัว การเดินทางไปทัศนศึกษาครั้งนี้ไม่เสียเที่ยวเลยจริงๆ.... ต้องขอบคุณเพื่อนๆที่ยังอยู่ข้างๆกันเสมอไม่ทิ้งกันไปไหนไม่ว่าวินาทีใดๆ ณ สถานที่แห่งนี้ขอเก็บมันไว้เป็นความทรงจำตลอดไป


JAME.23 jan. 13